การตามรู้เวทนาส่งผลให้นักปฏิบัติหยั่งเห็นความเกิดดับของเวทนา
ในบางขณะนักปฏิปัติอาจรับรู้เหตุเกิดขึ้นและเหตุดับไปของเวทนาตามที่ได้สลับมาอีกด้วย
กล่าวคือ สุขเวทนาเกิดจากการประสบกับอารมณ์ที่น่าชอบใจ ทุกขเวทนาเกิดจากการพบกับอารมณ์ที่ไม่น่าชอบใจ
อุเบกขาเวทนาเกิดจากการประสบกับอารมณ์เป็นกลาง นอกจากนี้
เวทนายังมีเหตุเกิดคือกรรมในอดีต อวิชชา และตัณหา
ผู้ที่หยั่งเห็นความเกิดดับของเวทนาอย่างนี้ จะเกิดสติระลึกรู้ว่ามีเพียง ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือวางเฉย ไม่มีบุคคล เรา ของเรา บุรุษ สตรี เขาย่อมปราศจากความยึดมั่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งในโลกคืออุปาทานขันธ์ สมจริงดังพระพุทธพจน์ว่า
สมุทยธมฺมานุปสุสี วา เวทนาสุ วิหรติ.
ผู้ที่หยั่งเห็นความเกิดดับของเวทนาอย่างนี้ จะเกิดสติระลึกรู้ว่ามีเพียง ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือวางเฉย ไม่มีบุคคล เรา ของเรา บุรุษ สตรี เขาย่อมปราศจากความยึดมั่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งในโลกคืออุปาทานขันธ์ สมจริงดังพระพุทธพจน์ว่า
สมุทยธมฺมานุปสุสี วา เวทนาสุ วิหรติ.
วยธมฺมานุปสฺสี
วา เวทนาสุ วิหรติ.
สมุทยวยธมฺมานุปสุสี
วา เวทนาสุ วิหรติ.
อตฺถิ
เวทนาติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺฐิตา โหติ ยาวเทว ญาณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตตาย.
อนิสฺสิโต
จ วิหรติ.
น
จ กิญฺจิ โลเก อุปาทิยติ.
“เธอตามรู้สภาวะคือความเกิดขึ้นในเวทนาอยู่บ้าง
ตามรู้สภาวะคือ ความดับในเวทนาอยู่บ้าง ตามรู้สภาวะคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความดับในเวทนาอยู่บ้าง
เธอย่อมเป็นอยู่อีกอย่างหนึ่ง คือเข้าไปตั้งสติว่าเวทนามี ก็เพียงสักว่าเอาไว้รู้
เพียงสักว่าเอาไว้ระลึกได้เท่านั้น เธอเป็นผู้อยู่อย่างไม่ถูกตัณหาและทิฏฐิเข้าอิงอาศัย
และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น